Friday, June 21, 2013

อภิปรายสถาบันกษัตริย์: ประสบการณ์ส่วนตัว ตอน ประสบการณ์ "เฉียดๆ" เมื่อปี 2524

by สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล (Notes) on Tuesday, February 1, 2011 at 8:36am




ผมขึ้นชื่อบทความนี้ ให้เหมือนกับข้อเขียนเมื่อหลายเดือนก่อน ที่เดิมผมตั้งใจจะทำเป็นตอนๆอย่างสม่ำเสมอ สุดท้าย ไม่มีเวลาพอจะทำ แต่ตอนนี้ก็ได้ "รับปาก" ท่าน บ.ก."อ่าน" ไว้ว่า จะเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นบทความออกมาชิ้นหนึงเลย  แต่ทีจะเล่าข้างล่างนี้ ไม่แน่ใจว่า ในที่สุดแล้วจะรวมอยู่ในบทความที่(หวังว่า)จะเขียนให้ "อ่าน" หรือเปล่านะครับ

คือพอดีว่า หลายวันนี้ (ดังที่ผมโพสต์ไปหลายครั้ง) ผมกำลังค้นข้อมูลเก่าๆ โดยเฉพาะในช่วงปี 2524 ทีมีกรณี "กบฏยังเติร์ก" 1-3 เมษายน ที่จะครบรอบ 30 ปี ประมาณ 2 เดือนข้างหน้านี้ ก็เลยไปเจออะไรน่าสนใจหลายอย่าง . . . เฉพาะเรื่องทีจะเล่าต่อไปนี้มีลักษณะ "ส่วนตัว" ในแง่ที่เกี่ยวข้องกับผมเองอยู่ แต่ประเด็นก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองในช่วงนั้น

หลังกรณี "กบฏยังเติร์ก" เดือนเมษายนแล้ว ฐานะ ตำแหน่ง และบทบาทของ อาทิตย์ กำลังเอก ก็พุ่งขึ้นอย่างสูง เพราะเป็นผู้มีมทบาทมากที่สุดในการปราบ "กบฏ" ครั้งนั้นลงไปได้ ตั้งแต่ได้อัญเชิญในหลวง พระราชินี และนำพลเอกเปรม หลบพวก "กบฏ" จากกรุงเทพไปโคราชที่เป็นฐานบัญชาการของตน (เขาเป็นรองแม่ทัพภาค 2 ในขณะนั้น) ตั้งที่นั่นเป็นกองบัญชาการปราบ "กบฏ" จนสำเร็จ ทำให้อาทิตย์ได้เลื่อนตำแหน่งจาก แม่ทัพภาค 2 เป็นแม่ทัพภาค 1 และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกพร้อมๆกันทีเดียว 2 ตำแหน่ง ในปลายปีนั้น ขณะเดียวกัน สถาบันกษัตริย์ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปราบกบฏอย่างมาก อำนาจของอาทิตย์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการรับใช้ใกล้ชิดสถาบันกษัตริย์ในระหว่างและหลังการกบฏด้วย พูดอีกอย่างคือ คงไม่ต่างจากสถานการณ์ในขณะนี้นัก (ดูโพสต์ของผมเรื่อง "กรณีตัวอย่างที่สถาบันกษัตริย์ สามารถปฏิเสธรัฐประหาร และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐประหารพ่ายแพ้ได้ : "กบฏยังเติร์ก" 2524" ที่นี่ http://www.facebook.com/note.php?note_id=175706592472578 )

ภายใต้ภาวะเช่นนั้น ในช่วงปลายปี มีการจัดอภิปรายเรื่องสถานการณ์การเมืองไทยที่จุฬา โดยมีผมและ อ.แล ดิลกวิทยารัตน์ เป็นผู้อภิปราย จัดที่ "ตึกจักรพงษ์" ซึ่งเป็นที่ตั้งสโมสรนิสิต ในระหว่างอภิปราย ด้วยความโกรธ-หงุดหงิดกับสภาพการเมืองดังกล่าวข้างต้น ผมเลยพูดบางอย่างแบบแรงๆไป จริงๆเป้าการวิพากษ์โจมตีของผมอยู่ที่อาทิตย์ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พาดพิงถึงประเด็นสถาบันกษัตริย์ด้วย

บังเอิญในหมู่คนฟังซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน มีเจ้าหน้าที่การข่าวทหารนั่งฟังอยู่ด้วย เขาก็ไปรายงานอาทิตย์ อาทิตย์ก็โกรธมาก และให้ลูกน้องไปแจ้งความตำรวจ ฟ้องผมและ อ.แล ในข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

ตอนที่เกิดเรื่อง ผมกำลังเรียนปริญญาตรีเทอมสุดท้าย กำลังจะจบในอีกไม่กี่เดือน ซึ่งด้วยคะแนนขณะนั้น ก็จะได้ที่เขาเรียกว่า "เกียรตินิยมเหรียญทอง" คือ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 และได้ "รางวัลทุนภูมิพล" ด้วย สำหรับคนได้คะแนนสูงสุดของสาขาวิชา - ปีก่อนหน้านั้น ธงชัย ก็ได้, ปีก่อนหน้าขึ้นไปอีก "เฮียวิโรจน์" ผู้ต้องหา 6 ตุลา อีกคน ก็ได้ (เรียกว่า อดีตผู้ต้องหา 6 ตุลาได้ติดต่อกัน 3 ปี)

แต่ด้วยความที่ "ขี้เกียจ" จะติดคุกซ้ำอีก และหลังจากคุยปรึกษากับเพื่อนๆบางคน ผมเลยตัดสินใจว่า จะไปต่างประเทศ ทิ้งการเรียนไปเลย กำลังเตรียมตัวถึงขั้น จะเดินทางแล้ว

โชคดี อ.ชัยอนันต์ รู้เข้า แกก็เลยไปคุยกับอาทิตย์ ด้วยตัวเองให้ อาทิตย์ ก็เลยยอมสั่งลูกน้องไปถอนฟ้อง ผมก็เลยไม่ต้องไปไหน ได้เรียนจนจบ ได้ปริญญา ได้ "เหรียญทอง" อะไรมา

ในแง่นี้ ผมก็เป็นหนี้บุญคุณ อ.ชัยอนันต์ อยู่เยอะมาก ในทางส่วนตัวนี้ (นอกจาก อ.ชัยอนันต์ แล้ว ในหมู่เพื่อนฝูงกันที่ช่วยคอย "วิ่งเต้น" หาลู่ทางออก ก็ธงชัยนี่แหละ ทุ่มเทที่สุด ซึ่งผมเป็นหนี้บุญคุณเขาเช่นกัน อ.โต้ง ไกรศักดิ์ ก็ช่วยไม่น้อย ... ความแตกต่างหรือโจมตีทางความคิดหรือทางการเมือง ระหว่างผมกับคนเหล่านี้ เป็นคนละเรื่อง ผมแยกออกจากกันได้) คือ อ.ชัยอนันต์ นี่แกมีข้อดีมากๆอยู่อันหนึง อาจจะเรียกด้วยคำที่ฟังดูเชยๆว่า "จิตวิญญาณความเป็นครู" คือแกรักเด็ก นักศึกษา ที่ขยัน เอาจริงเอาจังกับการเรียน และเรียนเก่ง แกรักพวกนักศึกษากิจกรรมฝ่ายซ้ายหลายคนทั้งๆที่มีความเห็นการเมืองตรงข้ามกับแก เพราะพวกนี้ (พวกผมนั่นแหละ) มีคุณสมบัติแบบนี้เยอะ (เสกสรรค์ แกก็รักนะ ดูที่แกเขียนถึงเสกสรรค์ ในหนังสือของแก ที่เขียนร่วมกับ เดวิด มอร์เรล) ความจริง ขณะเกิดเรื่อง ผมไม่เคยเรียนกับแกเลยด้วยซ้ำ (ผมอยู่ธรรมศาสตร์ แกสอนจุฬา) และก็ยังไม่ได้ไปเป็นผู้ช่วยวิจัยให้แก (เป็นหลังเรียนจบ) แฟนผมเริ่มเรียนโทที่รัฐศาสตร์จุฬาแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักอะไรกับแก (ตอนหลัง จึงค่อยทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "ปฐมทัศน์ทางการเมือง ของปรีดี" โดยมีแกเป็น อาจารย์ที่ปรึกษา) ตอนหลัง ผมไปเป็นผู้ช่วยวิจัยให้แก ตอนผมขอทุนปริญญาเอกที่ Monash แกก็เขียน recommendation แบบ "สุดยอด" ให้ด้วย

ภาพข้างล่างนี้ ผมถ่ายมาจากนิตยสารของ "พี่ชัช" ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ในช่วงนั้น ซึ่งเป็น นสพ.ฉบับเดียวที่รายงานเรื่องนี้ คือ "พี่ชัช" พอรู้เรื่องเข้า ก็พยายามจะช่วยด้วยการเขียนรายงานในลักษณะ "ตีกัน" คือวิจารณ์ไว้ล่วงหน้าถึงการจะจับ "ปัญญาชน" ที่พูดถึงสถาบันกษัตริย์

เรื่่องที่เล่านี้ ก็เป็น "บทเรียน" สำหรับผมเอง ในการพูด-เขียนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ . . .

ปล. สำหรับท่านที่สงสัยว่า ถ้าผมถูกกล่าวหาในลักษณะนั้นอีก ผมจะทำยังไง ตอบได้เลยครับว่า ไม่ทำยังไงหรอกครับ ไม่คิดจะไปไหน แก่แล้ว ไม่ชอบเดินทาง และมีงานสอนหนังสือ ที่ผมชอบ และมี "ลูก" (หมา) แก่ๆ ที่ต้องคอยดูแล