Saturday, June 22, 2013

สัมภาษณ์คุณชูเชื้อ และ คุณผ่องพรรณ สิงหเสนี ภรรยาและลูกสาวของคุณชิต สิงหเสนี - ตอนที่ 2 : วันประหารชีวิต และความลำบากหลังจากนั้น

by สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล (Notes) on Friday, February 17, 2012 at 6:58pm





คำชี้แจง : บทสัมภาษณ์ คุณชูเชื้อ และ คุณผ่องพรรณ สิงหเสนี (หรือที่ปรากฏในบทสัมภาษณ์ในชื่อเล่นว่า "ยายหนู" และ "หมอด") ภรรยาและลูกสาวของคุณชิต สิงหเสนี นี้ ตีพิมพ์อยู่ใน หนังสืองานศพนางชูเชื้อ (วลี) สิงหเสนี (2549) ผู้สัมภาษณ์คือคุณสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ (ปรากฏในบทสัมภาษณ์ในชื่อเล่น "อิ๋ง") หรือ "อิ๋ง เค (Ink K)" ผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ (คนกราบหมาพลเมืองจูหลิน) และศิลปินนักวาดภาพ ผู้เป็นญาติกับครอบครัวคุณชิต ในการสัมภาษณ์และในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์จะใช้ชื่อเล่นของทั้งสามท่าน ("ยายหนู", "หมอด", "อิ๋ง") โดยตลอด ผมถ่ายทอดมาตามต้นฉบับ

การสัมภาษณ์ทำขึ้นในปี 2544 หรือราว 5 ปีก่อนการถึงแก่กรรมของคุณชูเชื้อ (22 สิงหาคม 2456 - 2 มกราคม 2549)

อ่านบทสัมภาษณ์ ตอนที่ 1 : ถูกจับ ได้ ที่นี่
 
[ภาพถ่ายคุณชูเชื้อ และคุณผ่องพรรณ สิงหเสนี ในวันประหารชีวิตคุณชิต ในหนังสือพิมพ์สมัยนั้น]




ยายหนู :  อยู่ในคุก ก็ต้องเอาข้าวไปส่งทุกวันน่ะค่ะ

อิ๋ง :  เอาข้าวไปส่งทุกวัน แล้ววันสุดท้ายล่ะคะ ยังไง

ยายหนู :  ตอนวันสุดท้าย ก็เตรียมเอาข้าวไปส่ง เขาก็วิ่งมาบอกว่า คุณชิตถูกประหารแล้ว [เสียงสั่น น้ำตาซึม]

อิ๋ง :  ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย

ยายหนู :  ไม่รู้

หมอด :  วันที่ประหารน่ะค่ะ คือก่อนหน้านั้น วันหนึ่ง คือ [หมอดูหรือพระ] ก็บอกว่า พ่อ ... เอ่อ ... ชะตาไม่ดีจะไปต่ออายุ แม่เค้าไปที่บ้านหัวลำโพง แล้วก็จะไปหาพระทำพิธีต่ออายุให้ แล้วเราก็เตรียมจะไปส่งข้าว ทางนี้แต่เช้ามืด แม่ออกจากบ้านไปแล้ว คุณฉลวย [ภรรยาคุณเฉลียว ปทุมรส] อยู่บ้านใกล้ๆกัน ก็ให้คนมาบอกว่า ... พ่อตายแล้ว เขายิงพ่อตายแล้ว ให้บอกแม่ว่าให้ไปรับ [น้ำตาซึม]

อิ๋ง :  ไม่บอกมาก่อนเลย

หมอด :  ไม่บอกให้รู้มาก่อนเลย

อิ๋ง :  แอบทำเลย

ยายหนู :  คิดว่า คุณชิตก็ไม่รู้ตัว

อิ๋ง :  ก็... ไม่ได้สั่งเสียกันเลย

ยายหนู :  ไม่ [น้ำตาซึม]

หมอด :  คือ ก็รู้หลังคำพิพากษาแล้ว ก็ตั้งนาน แล้วก็ถวายฎีกา เราก็มีความหวังว่าอย่างน้อยก็คงให้ว่า ตลอดชีวิต หรืออะไรอย่างนี้ ก็ยังมีความหวังอยู่ว่า คงไม่เป็นไร

อิ๋ง :  ยายหนูเป็นคนไปรับศพหรือคะ

ยายหนู :  ค่ะ เอานอนมาในโลง เอามาวางไว้ที่วัด

อิ๋ง :  พอยายหนูไปถึง ก็เป็นโลงตั้งอยู่แล้ว

ยายหนู :  ค่อ ก็หามออกมาค่ะ หามคุณเฉลียวออกมาก่อน แล้วคุณชิตตามมา

อิ๋ง :  หามออกมาได้ยังไงคะ ขอโทษ

ยายหนู :  เขาใส่โลง ก็นอนมาอยู่ในโลง

อิ๋ง :  แล้วเขาทำยังไงคะ เขาเสียใจบ้างหรือเปล่า คนที่เราไปเจอวันนั้น เขาทำท่าสงสารเห็นใจกับเราไหม หรือทำท่ายังไงไหมคะ

ยายหนู :  ไม่ได้สังเกตหรอกค่ะ กำลังใจไม่ดี ใจเสียมาก

อิ๋ง :  ตอนนั้นยายหนูอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ

ยายหนู :  35 แล้ว หรือกว่านิดหน่อย

อิ๋ง :  ตอนนั้นยายหนูไปคนเดียวหรือคะ ไปรับศพ

ยายหนู :  ไปกับใครล่ะลูก ... [หันไปถามหมอด] ไปคนเดียวค่ะ ก็ลูกไปเรียนหนังสือหมด

หมอด :  พระครูถิรฯ ไปด้วยหรือเปล่า

ยายหนู :  เปล่าหรอก ไม่รู้ [พระครูถิรฯไม่รู้] ตอนรับมาแล้ว เขาก็พาคุณเฉลียวไปวัดสระเกศ แล้วเขาก็ถามว่า "นี่จะเอาไปไหน" แล้วใครก็ไม่รู้ก็บอกว่าให้เอาไป วัดสามปลื้ม ก็เอามา แล้วก็คุณยายน่ะค่ะ คุณหญิงท่านก็เอาสำลีอุดรูปืน และที่เลือดซึมๆ

อิ๋ง :  คุณยายไหนคะ คุณยายบนตึก

ยายหนู :  คุณยายเนื่อง [คุณหญิงเนื่องบุรีนวราษฐ์] ค่ะ

อิ๋ง :  อ๋อ คุณยายเนื่อง คุณทวดอิ๋ง

ยายหนู :  ท่านช่วยแต่งเนื้อแต่งตัวให้

อิ๋ง :  เป็นคนแต่งตัวให้หรือคะ

ยายหนู :  ค่ะ ตอนนั้นสตางค์อิฉันก็ไม่มี

อิ๋ง :  คุณทวดทำศพให้

ยายหนู :  ค่ะ ท่านให้คนไปซื้อโลงเลย ตอนนั้นราคาห้าร้อยบาท โลงไม้สักนะคะ แล้วท่านก็แต่งตัวให้

อิ๋ง :  แต่งตัวชุดยังไงคะ

ยายหนู :  แต่งกางเกงขาว ใส่เสื้อราชปะแตน

อิ๋ง :  ชุดที่นุ่งทำงานใช่ไหมคะ

ยายหนู :  ใช่

อิ๋ง :  ชุดมหาดเล็ก

ยายหนู :  ค่ะ ชุดมหาดเล็ก แต่ไม่มีบ่า ไม่มีอะไร

อิ๋ง :  เพราะเขาไม่ให้ใส่หรือคะ

ยายหนู :  ไมรู้ว่าเขาไม่ให้ใส่ หรือเราไม่ให้เขา

อิ๋ง :  แล้วบอกลูกๆ วันนั้นยังไงคะ กลับมาจากโรงเรียนก่อนหรือยังไงคะ

ยายหนู :  ก็บางคนรู้ ก็วิ่งตามกันมาที่วัด

อิ๋ง :  รู้กันได้ยังไง

หมอด :  ตอนนั้นคุณหมอด อยู่โรงเรียนเตรียมฯ ก็เป็นช่วงที่หยุดดูหนังสือสอบพอดี ก็ตอนเช้าที่บ้านคุณฉลวย ให้คนมาบอก ก็ร้องไห้วิ่งออกไป เจอท่านชายที่หน้าบนตึกนี้

อิ๋ง :  ใครนะคะ

หมอด :  ท่านชาย ท่านตาน่ะค่ะ

อิ๋ง :  ท่านชิ้น น่ะหรือคะ [หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์]

หมอด :  ค่ะ ท่านชายก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวจะช่วยจะดูแล ให้รีบไปหาแม่ ก็รีบไปที่บ้านหัวลำโพง ไปบอกแม่

[นักโทษและผู้คุมกำลังเคลื่อนย้ายศพผู้ถูกประหารชีวิตคดีสวรรคต ออกจากเรือนจำ]




อิ๋ง :  หลังจากนั้น ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ใช่ไหมคะ

หมอด :  ตอนนั้นอยู่ที่นี่แล้ว

ยายหนู :  อยู่ตั้งแต่ก่อนตายน่ะค่ะ ก็คุณชิ้น [ชิ้นพร สิงหเสนี] เขาบอกยายหนูให้ออกจากบ้านไปภายในเจ็ดวัน

หมอด :  ตอนนั้น อยู่ที่บ้านวัดสามปลื้มน่ะค่ะ อยู่กับท่านบนตึก [คุณสำรวล สิงหเสนี] พอท่านบนตึกสิ้น ตึกที่อยู่ก็ตกเป็นของคุณชิ้นพรน่ะค่ะ แล้วเขาก็จะขายล่ะมังคะ

อิ๋ง :  เขาก็เลยบอกให้ออก ภายในเจ็ดวัน

ยายหนู :  เขาเรียกยายหนูไปบอก เขาก็นั่งกันสองคนผัวเมีย เขาก็บอกว่า อาวลี [ชื่อเดิมก่อนเปลี่ยนเป็นชูเชื้อ] ออกจากบ้าน ภายในเจ็ดวันได้ไหม ยายหนูก็ไม่รู้จะทำยังไง ร้องไห้โฮ สตางค์ก็ไม่มี เขาก็บอกว่า เอาคนของเขา ขนของก็ได้ ยายหนูก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ไปบอกพี่เลื่อน [พ.ต.อ.เลื่อน กฤษณามระ พี่ชาย] น่ะค่ะ เอ้า! เดี๋ยวพี่จะหารถให้ รถกุดัง อิฉันก็เริ่มขนของออกทีละน้อย จนหมดเลย [เช็ดน้ำตา]

[คุณชิต คุณชูเชื้อ และลูกๆ อาศัยอยู่ในบ้านวัดสามปลื้มของ "เจ้าคุณพ่อ" ของคุณชิต แต่ด้วยความที่คุณชิตเป็นลูกที่เกิดจากภรรยารอง จึงอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างของตัวตึก ขณะที่พี่สาวต่างมารดาของคุณชิตที่เกิดจากภรรยาหลวงและครอบครัวอาศัยอยู่ชั้นบน เรียกกันว่า "ท่านบนตึก" เมื่อ "ทานบนตึก" ถึงแก่กรรม ลูกที่รับมรดกต่อ บอกให้คุณชูเชื้อและลูกๆย้ายออกไปจากบ้าน  - สมศักดิ์]

อิ๋ง :  มาอยู่ที่นี่ [บ้านคุณหญิงเนื่องบุรีนวราษฐ์ ที่ถนนสุขุมวิท ซึ่งขณะนี้ตกทอดมาเป็นของ ม.ร.ว.สายสิงห์ ศิริบุตร หลานยายของท่าน]

ยายหนู :  ค่ะ คุณหญิงท่าน ก็ไปบอกคุณหญิงท่านก่อน

หมอด :  คุณหญิงเนื่องฯ ท่านก็บอกว่าให้มาอยู่ที่นี่

ยายหนู :  คุณหญิงท่าน

หมอด :  เพราะฉะนั้น ตอนพ่อตาย เราก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

อิ๋ง :  อ๋อ! ค่ะ แล้วบ้านหัวลำโพงนี่อะไรคะ

หมอด :  บ้านคุณป้าใหญ่ค่ะ คุณหญิงเจือฯ [คุณหญิงเจือนครราชเสนี]

อิ๋ง :  แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เผาใช่ไหมคะ สวดเท่านั้นใช่ไหมคะ

ยายหนู :  ยังไม่ได้เผาน่ะค่ะ

หมอด :  เราเก็บไว้ก่อน ด้วยมีความหวังว่า สักวันหนึ่งคดีจะกระจ่าง ว่าพ่อไม่มีความผิด เราก็อยากจะรอจนถึงวันที่พ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ [เสียงสั่น] แต่ว่าตอนหลังนี้ใครๆ เขาก็เผากันหมดแล้ว เราก็เลยคิดว่าน่าจะจัดการให้พ่อ ให้เสร็จไป ก็เพิ่งเผาไปเมื่อปี พ.ศ. 2521

อิ๋ง :  ตอนที่เผา เผาที่ไหนคะ

ยายหนู :  เผาที่วัดสามปลื้ม

อิ๋ง :  วัดสิงหเสนีน่ะนะคะ อิ๋งอ่านในหนังสืองานศพน่ะนะคะ คุณหมอดเป็นคนเขียนให้ใช่ไหมคะ ว่าหลังจากนั้นตระกูลเราก็กลายเป็นชั่วร้ายไปเลย เล่าให้ฟังที่โรงเรียนเจอยังไงมั่ง

หมอด :  เคยมี เขาก็ว่า ที่โรงเรียนเตรียมฯ น่ะนะคะ เขาก็ว่า ไม่ใช่คุณหมอดได้ยินเองนะคะ [แต่มีการพูดกันว่า] ไม่คิดว่าตระกูลสิงหเสนี ยังมีหน้ามาเหยียบพื้นแผ่นดินนี้ได้อีก คิดว่าจะถูกเด็ดหัวไปเจ็ดชั่วโคตรแล้ว

อิ๋ง :  แล้วคุณมดด้วย [หมายถึง พวงศรี สิงหเสนี ลูกคนที่สาม ของคุณชิตกับคุณชูเชื้อ - สมศักดิ์]

หมอด :  มดน่ะค่ะ โดนเพื่อนเขาดูถูกเหยียดหยาม แต่คุณหมอดโชคดี ได้เพื่อนดี เขาเข้าใจ และเขาก็ช่วยเหลือดี

อิ๋ง :  คุณมดโดนที่ไหนคะ

หมอด :  ที่โรงเรียนน่ะค่ะ

อิ๋ง :  แล้วเขาทำยังไง เมื่อโดนด่าอย่างนั้น

หมอด :  เขาก็ร้องไห้



...........................


โปรดติดตามบทสัมภาษณ์ ตอนที่ 3 : จงรักภักดี